ความดันโลหิต credit อาหารเสริมลดน้ำหนัก
ความรู้เกี่ยวกับ ความดันโลหิต credit อาหารเสริมลดน้ำหนัก
Wednesday, April 9, 2014
Thursday, March 6, 2014
ความดันเลือด credit อาหารเสริม ลดน้ำหนัก
เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เจ็บป่วยจากโรคภัยต่างๆเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เป็นต้น จำเป็นต้องทำการตรวจวัดร่างกายอยู่เป็นประจำ ทำให้ผู้ป่วยต้องเสียเวลาไปทำการตรวจวัดร่างกายตามโรงพยาบาลหรือคลินิก จึงได้จัดทำเครื่องวัดความดันโลหิตขึ้นซึ่งสามารถตรวจวัดค่าต่างๆได้ด้วยตนเองที่บ้านหรือ ณ สถานที่แห่งใดก็ตาม โดยไม่จำเป็นที่ต้องไปซื้อเครื่องมือราคาแพงที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยเครื่องมือวัดเหล่านี้จะแสดงผลบนหน้าจอของโทรศัพท์มือถือ ผ่านการเชื่อมต่อสัญญาณ บลูทูธ จากเครื่องวัดเข้าสู่โทรศัพท์มือถือและหากค่าที่วัดได้มีความบ่งชี้ถึงอาการผิดปกติของโรคต่างๆ ค่าที่วัดได้จะถูกส่งผ่าน ข้อความสั้น(SMS) ไปสู่โทรศัพท์ของทางโรงพยาบาล เพื่อที่ทางโรงพยาบาลจะได้จัดส่งทีมแพทย์มารักษาได้ทันถ่วงที
ความดันโลหิต คือ แรงดันเลือดที่เกิดจากการบีบตัวและคลายตัวของหัวใจ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ระบบคือ
add อาหารเสริม หนึ่ง
1. หัวใจ ห้องล่างขวา โดยหัวใจบีบตัวเพื่อนำเลือดดำไปปอด
เลือดจะถูกส่งผ่านไปยังเส้นเลือดแดงที่จะไปปอด pulmonary
arteries เพื่อไปรับออกซิเจน
เมื่อเลือดได้รับออกซิเจนแล้ว ก็จะเปลี่ยนจากเลือดดำ เป็นเลือดแดง ไหลกลับมายังหัวใจด้านซ้าย
ทางเส้นเลือดดำจากปอดสู่หัวใจห้องบนซ้าย pulmonary
veinsเมื่อวัดความดันในหลอดเลือดแดงที่ไปปอด
จะได้ค่าตัวเลข 2 ค่า เช่น 25/10 มิลลิเมตรปรอท ค่าตัวบนเรียกว่า ความดันช่วงหัวใจบีบ
(ความดันซิสโตลิก:systolic) หมายถึงความดันเมื่อหัวใจห้องล่างซ้ายบีบตัว
จากตัวอย่างวัดได้ค่าเท่ากับ 25 มิลลิเมตรปรอท ส่วนค่าตัวล่างเรียกว่า ความดันช่วงหัวใจคลาย
(ความดัน ไดแอสโตลิก:diastolic) หมายถึง ความดันเมื่อหัวใจคลายตัว ซึ่งจากตัวอย่างจะมีค่าเท่ากับ
10 มิลลิเมตรปรอทนั่นเอง
add อาหารเสริม สอง
2. หัวใจ ห้องล่างซ้าย โดยหัวใจบีบตัวเพื่อนำเลือดแดงไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย
เลือดจะถูกส่งผ่านไปยังเส้นเลือดแดงใหญ่ Aorta และกระจายไปตามหลอดเลือดแดงไปสู่อวัยวะสำคัญต่างๆ
รวมถึงแขนและขา ซึ่งโลหิตจะมีแรงกระทำต่อผนังเส้นเลือดเมื่อเวลาวัดความดันที่หลอดเลือดแดงที่แขนหรือขาจะได้ค่าตัวเลข
2 ค่า เช่น 120/80 มิลลิเมตรปรอท ค่าตัวบนเรียกว่า ความดันช่วงหัวใจบีบ (ความดันซิสโตลิก:systolic) หมายถึงความดันเมื่อหัวใจห้องล่างซ้ายบีบตัว จากตัวอย่างวัดได้ค่าเท่ากับ
120 มิลลิเมตรปรอทส่วนค่าตัวล่างเรียกว่า ความดันช่วงหัวใจคลาย (ความดันไดแอสโตลิก:diastolic) หมายถึง ความดันเมื่อหัวใจคลายตัว ซึ่งจากตัวอย่างจะมีค่าเท่ากับ
80 มิลลิเมตรปรอท นั่นเอง เมื่อหัวใจบีบตัว Systolic แรงดันโลหิตในหลอดเลือดแดงจะมีแรงดันน้อยกว่าแรงที่หัวใจบีบตัวเล็กน้อย
ก็เนื่องจากหลอดเลือดแดงจะมีความยืดหยุ่น (Elasticity) ทำให้หลอดเลือดแดงขยายตัวออกได้เล็กน้อย
แรงดันโลหิตในหลอดเลือดแดงจึงต่ำลงเมื่อหัวใจคลายตัว Diastolic แรงดันโลหิตในหัวใจห้องล่างจะลดลงเป็น ศูนย์ มิลลิเมตรปรอท หรือต่ำกว่าเล็กน้อย
แต่แรงดันโลหิตในหลอดเลือดแดง จะไม่ลดลงเป็น ศูนย์ มิลลิเมตรปรอท เนื่องจากหัวใจมีลิ้นหัวใจที่กั้นระหว่างหัวใจห้องล่าง
และหลอดเลือดแดง ลิ้นหัวใจจะทำหน้าที่เป็นประตูเปิด-ปิด ให้เลือดไหลได้ไปในทิศทางเดียว
ไม่สามารถไหลย้อนกลับได้ เมื่อหัวใจห้องล่างคลายตัว ลิ้นหัวใจก็จะปิดลง ทำให้เลือดยังคงค้างอยู่ในหลอดเลือดแดง
ไม่ไหลย้อนกลับเข้าไปในหัวใจห้องล่าง ดังนั้นจึงยังมีแรงดันโลหิตในหลอดเลือดแดงในช่วงหัวใจห้องล่างคลายตัวได้
นอกจากนี้ หลอดเลือดแดงที่ขยายตัวออกในช่วงหัวใจบีบตัว ก็จะมีแรงจากหลอดเลือดแดงบีบตัวในช่วงแรงดันโลหิตลดลงนี้
Diastolic vascular
recoil ดังจะสังเกตได้ว่า คนที่มีอายุน้อย หลอดเลือดยังมีความยืดหยุ่นอยู่มาก
ความดันโลหิตที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย มักจะวัดค่าตัวบน systolic ได้ต่ำ และวัดค่าตัวล่าง diastolic ได้สูง
เช่น วัดได้ 100/80 มิลลิเมตรปรอท ในขณะที่ คนที่มีอายุมาก หลอดเลือดมักจะแข็ง และมีความยืดหยุ่นน้อยลง
ความดันโลหิตที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย มักจะวัดค่าตัวบน systolic ได้สูง และวัดค่าตัวล่าง diastolic ได้ต่ำ
เช่น วัดได้ 140/60 มิลลิเมตรปรอท
ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
ความดันช่วงบน ถ้าวัดได้ตั้งแต่ 140 มิลลิเมตรปรอทลงมาก็ถือว่าปกติ
ถ้าวัดได้ระหว่าง 141-159 มิลลิเมตรปรอทก็ถือว่าเป็นระดับก้ำกึ่ง ถ้าวัดได้ตั้งแต่
160 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป ก็ถือว่า สูง
ความดันช่วงล่าง ถ้าวัดได้ตั้งแต่ 90 มิลลิเมตรปรอทลงมาก็ถือว่าปกติ
ถ้าวัดได้ระหว่าง 91-94 มิลลิเมตรปรอท ก็ถือว่าเป็นระดับก้ำกึ่งถ้าวัดได้ตั้งแต่
95 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป ก็ถือว่าสูง
ความดันโลหิตสูง
จึงหมายถึง ความดันช่วงบนเท่ากับหรือมากกว่า 160 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป (เช่น ความดันช่วงบน
180 ความดันช่วงล่าง 90 ซึ่งนิยมเขียนเป็น 180/90) หรือความดันช่วงล่างเท่ากับหรือ มากกว่า 95 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป (เช่น 150/110)
หรือทั้งสองอย่างร่วมกัน เช่น 170/100,180/130)
เราจะวินิจฉัยโรคนี้แน่นอนและให้การรักษา ต่อเมื่อวัดความดันได้สูงกว่าปกติ
เป็นจำนวน 3 ครั้ง ในวาระที่ต่างกันอย่างน้อย 2 คราว (ยกเว้นในรายที่สูงผิดปกติ อย่างมาก
ๆ) ในการวัดแต่ละครั้ง ควรให้ผู้ป่วยได้พักสัก 5-10 นาทีเสียก่อน
โรคความดันโลหิตสูง พบได้ประมาณ
5-10% ของคนทั่วไป ส่วนมากจะเริ่มเป็นในคนที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ขึ้นไป โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
ส่วนน้อยที่อาจเป็นในคนอายุต่ำกว่า 30 ปี ซึ่งมักจะมีความผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย
ความดันโลหิตต่ำ(Hypotension)
โรคความดันโลหิตต่ำพบน้อยกว่าโรคความดันโลหิตสูงผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำมีอันตรายน้อยกว่าผู้ที่ความดันโลหิตสูง
และมีการดำเนินชีวิตที่สบายกว่า ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตต่ำจะวัดได้ดังนี้ สำหรับชายและผู้หญิง
Systolic Pressure 80-100 มิลลิเมตรปรอท Diastolic
Pressure 50-60 มิลลิเมตรปรอท
สาเหตุของความดันโลหิตต่ำ ยังไม่มีคำอธิบายที่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่เป็นพันธุกรรมหรือเป็นมาแต่กำเนิดหรือไม่ทราบสาเหตุแน่นอนเรียกว่า
Idiopathic Hypotension
อาการ ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตต่ำ
มักไม่มีอาการอะไรมากนัก อาการสำคัญคือจะมีอาการเวียนหัวง่าย เวลาลุกขึ้นยืนเร็วๆ เช่นเวลานั่งยองๆ
แล้วลุกขึ้นยืน หรือกำลังนอนอยู่
แล้วลุกขึ้นเร็วๆ จะเกิดอาการเวียนหัวเป็นครั้งคราวชั่วระยะหนึ่ง
แล้วบางครั้งก็ดูปกติดีแต่ถ้า
อดนอนหรือนอนไม่พอก็จะมีอาการเวียนหัวและอ่อนเพลียด้วย เมื่อเปลี่ยนจากท่านอนเป็นลุกขึ้นนั่งหรือยืน จะมีอาการหน้ามืดวิงเวียนจะเป็นลมเนื่องจากเลือดไปเลี้ยง
สมองไม่พอ อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน ตาพร่า ตาลายร่วมด้วย แต่สักครู่หนึ่งก็หายเป็นปกติ
การวัดความดันโลหิต มักพบว่าความดันซิสโตลิก (ช่วงบน) ที่วัดในท่ายืนต่ำกว่า ท่านอนมากกว่า
30 มิลลิเมตรปรอท เช่น ในท่านอนวัดได้ 130/80 แต่ในท่ายืนจะวัดได้ 90/60
ระดับ
|
Systolic(มิลลิเมตรปรอท)
|
Diastolic(มิลลิเมตรปรอท)
|
|
เหมาะสม
|
<120
|
<80
|
|
ปกติ
|
<130
|
<85
|
|
เกือบสูง
|
130-139
|
85-89
|
|
ความรุนแรงอันดับ 1
|
140-159
|
90-99
|
|
ความรุนแรงอันดับ 2
|
160-179
|
100-109
|
|
ความรุนแรงอันดับ 3
|
>=180
|
>=110
|
|
Isolate
Systolic Hypertension
|
>=140
|
<90
|
อายุ
|
ความดัน(มิลลิเมตรปรอท)
|
3-6 ปี
|
90/60
|
7-17 ปี
|
110/70
|
18-44 ปี
|
120/80
|
45-64 ปี
|
150/90
|
64 ปีขึ้นไป
|
160/90
|
Subscribe to:
Posts (Atom)